การให้อะไรสักอย่างที่แท้จริงและไม่ซ้ำใครแก่ผู้อื่น จะสร้างความทรงจำที่คงอยู่ยาวนานแม้หลังจากที่กระดาษห่อของขวัญจะถูกทิ้งลงถังไปแล้ว ของขวัญประเภทนี้ไม่ใช่แค่สิ่งของที่คนนำมาวางไว้ใต้ต้นคริสต์มาสหรือบนโต๊ะวันเกิดเท่านั้น แต่ยังกลายเป็นของเล็กๆ ที่คนเรานำไปเก็บไว้เป็นที่ระลึกถึงช่วงเวลาพิเศษที่ได้ใช้ร่วมกัน เมื่อใครสักคนเลือกซื้อของขวัญที่สร้างสรรค์และแตกต่างจากของธรรมดาทั่วไป มันแสดงให้เห็นว่าพวกเขานั้นใส่ใจและสังเกตว่าสิ่งที่สำคัญสำหรับอีกฝ่ายคืออะไร การกระทำที่เต็มไปด้วยความตั้งใจเช่นนี้ มักจะมีคุณค่ามากกว่าราคาที่ติดอยู่บนป้ายเสมอ
ของขวัญประเภทนี้สามารถเพิ่มความสุขให้กับชีวิตประจำวันของเรา พร้อมทั้งเตือนให้เราได้ระลึกถึงวันสำคัญที่เราอยากจดจำไว้ ตัวอย่างเช่น โคมไฟกลางคืนน่ารักๆ ที่มีรูปร่างคล้ายสิ่งของที่มีความหมายจากอดีตของเรา ให้แสงสว่างอ่อนๆ ในยามที่เราปิดไฟตอนกลางคืน และช่วยเก็บรักษาความทรงจำดีๆ เอาไว้ใกล้ตัว คนเราต่างก็พบความสุขจากสิ่งของเหล่านี้ ซึ่งมีความหมายส่วนตัวลึกซึ้งและทำให้วันธรรมดาๆ รู้สึกพิเศษขึ้นมาได้
สมาคมของขวัญได้ทำการวิจัยล่าสุดและพบสิ่งที่น่าสนใจ นั่นคือ มีประชาชนประมาณ 78 เปอร์เซ็นต์ที่รู้สึกถึงความซาบซึ้งใจมากขึ้นเมื่อได้รับของขวัญที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งช่วยเพิ่มความรู้สึกเชิงบวกให้กับพวกเขา สิ่งที่ผลการวิจัยนี้แสดงให้เห็นคือ ของขวัญที่ใส่ใจสามารถสร้างความแตกต่างอย่างมากในความรู้สึกของผู้คน คนเราเพียงแค่ชอบที่จะได้รับสิ่งของที่แตกต่างจากสิ่งที่ผู้อื่นเคยมี เมื่อเรามุ่งมั่นที่จะสรรหาของขวัญที่พิเศษให้แก่ผู้อื่น สิ่งนั้นไม่เพียงแค่เสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนและสมาชิกในครอบครัวเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อความสุขโดยรวมและสภาพจิตใจของผู้รับอีกด้วย
การให้ของขวัญที่ใช้ประโยชน์ได้จริงสามารถสร้างความแตกต่างให้กับการใช้ชีวิตประจำวันของผู้คนอย่างแท้จริง ยกตัวอย่างเช่น อุปกรณ์อัจฉริยะสำหรับบ้านอัตโนมัติ ซึ่งช่วยประหยัดเวลาในการทำงานบ้านที่น่าเบื่อได้มากทีเดียว หลายคนมักจะชอบที่จะได้รับของที่มีประโยชน์ใช้สอยมากกว่าของตกแต่งเพิ่มอีกชิ้นหนึ่ง มีข้อมูลทางสถิติสนับสนุนเช่นกัน โดยประมาณสองในสามของผู้คนเลือกที่จะได้รับของขวัญที่มีประโยชน์ใช้สอยมากกว่าของสวยงามแต่ไร้ประโยชน์ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะไม่มีใครอยากให้มีสิ่งของที่ไม่มีประโยชน์มาเพิ่มพื้นที่ว่างในบ้านโดยใช่เหตุ และของขวัญที่ใช้การได้จริงก็สามารถผสานเข้ากับกิจวัตรประจำวันได้อย่างลงตัว โดยไม่ก่อให้เกิดปัญหาหรือความยุ่งยากเพิ่มเติม
ผู้คนต่างชื่นชอบของขวัญที่สามารถทำให้ชีวิตประจำวันของพวกเขาสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ลองพิจารณาอุปกรณ์สำหรับบ้านอัจฉริยะที่ทุกคนกำลังพูดถึงในปัจจุบันนี้ เช่น เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติที่เริ่มทำงานในเวลาที่เหมาะสมพอดี หรืออุปกรณ์ช่วยแบบควบคุมด้วยเสียงที่จัดการทุกอย่างตั้งแต่ไฟภายในบ้านไปจนถึงกำหนดการเล่นเพลงต่างๆ สิ่งเหล่านี้ช่วยประหยัดเวลาสำหรับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่เราทุกคนไม่อยากเสียเวลาทำด้วยตนเอง ผู้คนส่วนใหญ่จึงมักใช้ประโยชน์จากของขวัญประเภทนี้ทันทีที่ได้รับ เพราะสามารถผสานเข้ากับกิจวัตรประจำวันได้อย่างลงตัว มีการศึกษาล่าสุดที่น่าสนใจเช่นกัน ซึ่งชี้ให้เห็นว่าประมาณ 65 เปอร์เซ็นต์ของผู้คนระบุว่าพวกเขาอยากได้ของขวัญที่มีประโยชน์ใช้สอย มากกว่าจะได้รับเพียงของตกแต่งสวยงามอีกชิ้นหนึ่งที่วางอยู่บนชั้นวางของไร้ประโยชน์ คิดดูให้ดีๆ แล้วก็เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ เพราะไม่มีใครหรอกที่อยากได้สิ่งของที่ไม่มีประโยชน์เลย
ผู้คนมักซาบซึ้งใจกับของขวัญที่มอบความสบาย เช่น ผ้าห่มที่นุ่มเป็นพิเศษ หรือเก้าอี้สำนักงานที่ปรับระดับได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนต่างต้องการในปัจจุบัน ของขวัญประเภทนี้สะท้อนให้เห็นว่าผู้ให้ใส่ใจและใช้ความคิดในการเลือกสิ่งที่จะช่วยให้ผู้รับรู้สึกดีขึ้นในชีวิตประจำวัน Institute of Comfort ได้ทำการวิจัยซึ่งแสดงให้เห็นว่า ผู้ที่ได้รับของขวัญที่ช่วยให้ผ่อนคลาย มีระดับความเครียดที่ลดลง และมักมีสภาพแวดล้อมในบ้านที่สงบขึ้น นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมของขวัญที่มอบความสบายจึงปรากฏอยู่ในคู่มือแนะนำของขวัญในทุก ๆ ปี เพราะมันได้ผลดีมากเมื่อต้องการช่วยให้ผู้คนได้คลายความเครียดและค้นพบความสงบระหว่างความวุ่นวายที่เราต้องเผชิญในชีวิตประจำวัน
ของขวัญวันเกิดที่โดดเด่นมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่งานศิลปะที่ออกแบบมาเฉพาะตัว ไปจนถึงประสบการณ์ที่ลืมไม่ลง สิ่งที่ทำให้ของขวัญเหล่านี้พิเศษก็คือ การที่มันสะท้อนสิ่งที่บุคคลนั้นรัก และตัวตนที่แท้จริงของเขาหรือเธอ ซึ่งจะสร้างความทรงจำที่คนรับจะจดจำไปหลายปี บริษัท Hallmark ได้ทำการวิจัยในเรื่องนี้ และพบสิ่งที่น่าสนใจอย่างหนึ่งว่า เมื่อผู้คนได้รับของขวัญที่ออกแบบเฉพาะตัว แทนที่จะได้รับของธรรมดาทั่วไป พวกเขามีโอกาสประมาณ 50% ที่จะรู้สึกถึงบางสิ่งที่ลึกซึ้งภายในใจ ลองคิดดูสิ การให้ภาพวาดที่มีชื่อของเขาหรือเธอ หรือวางแผนการผจญภัยแบบเซอร์ไพรส์ไปยังสถานที่ใหม่ๆ ไม่ใช่แค่พูดว่าสุขสันต์วันเกิดเท่านั้น แต่ยังสื่อความหมายว่า 'ฉันรู้ว่าคุณเป็นใคร และฉันใส่ใจมากพอที่จะสร้างสิ่งของชิ้นนี้ขึ้นมาเพื่อคุณโดยเฉพาะ'
ของประดับตกแต่งและตะกร้าของขวัญที่ออกแบบมาเป็นพิเศษตามธีมวันหยุดต่างๆ สามารถสร้างบรรยากาศแห่งความสุขได้อย่างแท้จริง และช่วยเริ่มต้นประเพณีของครอบครัวที่คงอยู่ยาวนานหลายปี สิ่งที่ทำให้ของขวัญเหล่านี้พิเศษไม่ใช่แค่เพียงลักษณะของมันเอง แต่เป็นวิธีที่มันกลายเป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำร่วมกันระหว่างคนที่เรารัก ตามการวิจัยล่าสุดของสหพันธ์ค้าปลีกแห่งชาติ (National Retail Federation) ได้ค้นพบข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อของขวัญ จากการสำรวจพบว่า ผู้ซื้อเกือบ 9 ใน 10 อยากได้รับของขวัญที่ถูกเลือกมาเฉพาะตามสิ่งที่พวกเขารู้สึกว่ามีความหมายต่อตนเองในช่วงเทศกาล เมื่อใครสักคนได้รับของขวัญที่ตรงกับตัวตนของเขาจริงๆ มันจะสร้างความสุขที่แท้จริง และนำมาสู่รอยยิ้มที่จริงใจจากทุกคนรอบโต๊ะอาหาร
ของขวัญเซอร์ไพรส์มีวิธีที่น่าทึ่งในการเปลี่ยนอารมณ์ของใครสักคนได้อย่างไม่น่าเชื่อ ทำให้พวกเขารู้สึกว่าเรายังคงใส่ใจแม้จะไม่มีเหตุการณ์พิเศษใดๆ เลยก็ตาม การกระทำเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้มีความหมายมาก เพราะมันสื่อสารว่ามีคนคิดถึงเราแม้ในวันธรรมดาทั่วๆ ไป งานวิจัยหลายชิ้นชี้ให้เห็นว่า ประมาณสามในสี่ของผู้คนนั้นชอบการได้รับของขวัญโดยไม่มีเหตุผลพิเศษ มากกว่าจะได้รับในวันเกิดหรือวันหยุดเสียอีก การให้ของขวัญแบบไม่คาดคิดนั้นช่วยเพิ่มระดับความสุขได้ตามผลการศึกษาทางจิตวิทยาที่มีมาอย่างยาวนาน ลองคิดดูสิ บางทีคุณอาจแค่ลับๆ สลับการ์ดเขียนด้วยมือไว้ในกระเป๋าเขา ซื้อกาแฟจากร้านโปรดไปให้ หรือเซอร์ไพรส์ด้วยของแปลกๆ อย่างเช่น โคมลาวา (lava lamp) ที่เขาเคยพูดผ่านๆ ไว้ว่าอยากได้ ทั้งหมดนี้คือสิ่งเล็กๆ ที่เกิดขึ้นโดยฉับพลัน แต่ช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างคนกับคน และทำให้ชีวิตดูสดใสขึ้นเล็กน้อย
การมอบของขวัญเพื่อการดูแลตัวเอง เช่น ชุดสปา หรือชาผ่อนคลาย ให้กับใครสักคน ช่วยให้พวกเขารู้สึกผ่อนคลาย และดูแลสุขภาพจิตได้ดีขึ้น ข้อดีที่สุดคือ ของขวัญประเภทนี้มีประโยชน์สองเท่า เพราะไม่เพียงแต่ให้ความสบายตัวทางกายภาพ แต่ยังช่วยให้เกิดความสมดุลทางอารมณ์อีกด้วย ลองดูชุดสปาสุดหรูตัวอย่างเช่น ด้วยเจลอาบน้ำฟองฟู่ และโลชั่นบำรุงผิวที่มีกลิ่นหอมน่าหลงใหล ทำให้ห้องน้ำกลายเป็นเหมือนสปาระดับพรีเมียมโดยไม่ต้องออกจากบ้านเลย และยังมีเรื่องของชาอีก ถ้วยชาคาโมมายล์หรือชาลาเวนเดอร์ร้อน ๆ ไม่ได้ให้แค่ความอบอุ่น แต่ยังเหมือนการกอดด้วยความรู้สึกสำหรับจิตใจที่เครียดมากเกินไป มีการศึกษาจากองค์กรอย่างองค์การอนามัยโลก (WHO) แสดงให้เห็นว่า เมื่อคนเราฝึกฝนเทคนิคการผ่อนคลายแบบนี้เป็นประจำ ระดับความวิตกกังวลจะลดลงประมาณ 30% ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจมาก ท้ายที่สุดแล้ว ของขวัญที่เต็มไปด้วยความคิดนี้จะช่วยเตือนให้พวกเขารู้ว่า พวกเขามีคุณค่า ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตสงบและมีความสุขมากยิ่งขึ้น
ของขวัญที่เน้นเรื่องสติ เช่น สมุดบันทึก หรือแอปพลิเคชันสำหรับการทำสมาธินั้น แท้จริงแล้วมีประโยชน์มากในการสร้างความสงบและทำให้จิตใจแจ่มใส แนวคิดเกี่ยวกับของขวัญประเภทนี้ค่อนข้างเรียบง่าย เพราะมันช่วยให้ผู้คนยึดมั่นอยู่กับปัจจุบันขณะ ซึ่งจะช่วยลดระดับความเครียด และทำให้ผู้คนรู้สึกดีขึ้นทางด้านอารมณ์ สมุดบันทึกที่ดีจะช่วยให้ผู้คนมีที่ระบายความคิดเมื่อสิ่งต่าง ๆ เริ่มหนักเกินรับไหว ในขณะที่แอปพลิเคชันการทำสมาธินั้นจะช่วยนำทางผู้ใช้ผ่านแบบฝึกหัดที่ค่อย ๆ สร้างความสงบภายในจิตใจขึ้นมาอย่างค่อยเป็นค่อยไป จากการศึกษาพบว่า คนที่ฝึกฝนการทำสมาธิและมีสติอย่างสม่ำเสมอ มักสามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้ดีกว่า และโดยทั่วไปมักรายงานว่ามีความสุขในชีวิตมากกว่า ดังนั้น การมอบของขวัญประเภทนี้จึงสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญต่อการเติบโตในตัวบุคคลของผู้รับได้ สิ่งที่ดีเกี่ยวกับของขวัญเหล่านี้คือ มันคอยเตือนผู้รับอยู่เสมอว่า ควรหยุดพักสักครู่ หายใจลึก ๆ และมองหาช่วงเวลาแห่งความสงบ แม้ในขณะที่ทุกสิ่งรอบตัวกำลังโกลาหล สิ่งสำคัญที่สุดคือ มันช่วยสร้างนิสัยที่นำไปสู่ความสมดุลและความพึงพอใจในชีวิตที่เพิ่มขึ้นทุกวัน
ตัวอย่างเช่น พิจารณาของขวัญอย่าง Breathing Buddha Guided Visual Meditation Tool ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยในการทำแบบฝึกหัดการหายใจอย่างผ่อนคลาย ฟีเจอร์แสงที่ค่อยๆ เข้าและค่อยๆ ออกของมันสร้างบรรยากาศที่สงบเหมาะสำหรับการสร้างสภาพจิตใจที่สงบเยือกเย็น
การเลือกของขวัญที่เหมาะสมเริ่มต้นจากการรู้ว่าใครบางคนต้องการอะไรในความเป็นจริง ใช้เวลาสักนิดเพื่อคิดว่าพวกเขาเพลิดเพลินกับสิ่งใด และอะไรที่ทำให้ชีวิตประจำวันยากขึ้นสำหรับเขาหรือเธอ บางทีเพื่อนของคุณอาจดูเหมือนถูกงานล้อมตลอดเวลา พวกเขาอาจชื่นชมสิ่งของที่ช่วยประหยัดเวลา มากกว่าสิ่งที่จะแย่งเอาเวลาไปอีก สมาชิกครอบครัวมักจะชื่นชอบของขวัญที่เกี่ยวข้องกับความสนใจของพวกเขามากขึ้น เช่น อุปกรณ์ศิลปะสำหรับศิลปิน หรือเครื่องมือทำสวนสำหรับคนที่รักต้นไม้ คนเรามักจะรู้สึกถึงคุณค่ามากขึ้นเมื่อได้รับของขวัญที่ถูกเลือกมาเฉพาะตัว งานวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่าประมาณ 8 ใน 10 คนคิดว่า การรู้จักผู้รับอย่างลึกซึ้งนำไปสู่การเลือกของขวัญที่ดีกว่าโดยรวม ฟังดูมีเหตุผลใช่ไหม เพราะไม่มีใครอยากได้ถ้วยกาแฟธรรมดาๆ อีกใบหนึ่งที่วางทิ้งไว้บนชั้นโดยไร้การใช้งาน
เมื่อมีคนใช้ความคิดในการทำให้ของขวัญพิเศษขึ้นมาสักหน่อย มันมักจะกลายเป็นสิ่งที่มีความหมายและคู่ควรแก่การจดจำอย่างแท้จริง ปัจจุบันผู้คนปรับแต่งของขวัญให้เป็นแบบเฉพาะตัวด้วยหลากหลายวิธี บางคนเลือกใช้สัมผัสที่เรียบง่าย เช่น ปักตัวอักษรย่อของชื่อไว้บนผ้าพันคอ หรือใส่ฉลากที่ออกแบบเองบนถ้วยกาแฟ อีกหลายฝ่ายสร้างประสบการณ์ที่ตรงกับสิ่งที่คนใกล้ชิดชอบทำจริงๆ การวิจัยชี้ให้เห็นว่า ผู้คนส่วนใหญ่ชื่นชมการได้รับสิ่งของที่ถูกออกแบบมาเฉพาะให้กับตนเอง แม้ว่าผมจะเคยได้ยินตัวเลขที่แตกต่างกันเกี่ยวกับจำนวนที่แน่นอนก็ตาม อย่างไรก็ตาม ประเด็นคือของขวัญที่ปรับแต่งเฉพาะตัวมักจะได้รับการตอบรับที่ดีกว่า ลองคิดถึงชิ้นงานที่ออกแบบมาเฉพาะตัว เช่น เครื่องประดับที่สลักชื่อไว้ด้านใน หรือประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครที่เพื่อนๆ ได้ใช้เวลาร่วมกันทำสิ่งที่พวกเขารัก เช่น ชมดาวในยามค่ำ หรือถ่ายภาพในสถานที่น่าสนใจ เป็นต้น สิ่งเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ช่วยสร้างความเชื่อมโยงที่แน่นแฟ้นระหว่างผู้คน
การให้ของขวัญไม่จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อให้รู้สึกว่าพิเศษ ลองคิดถึงการสร้างสิ่งของขึ้นด้วยมือ การเขียนข้อความที่จริงใจ หรือเลือกสิ่งของที่มีประโยชน์ต่อการใช้ชีวิตประจำวัน สิ่งของเหล่านี้สามารถแสดงให้เห็นว่าเราใช้เวลามากมายในการคิดถึงผู้รับ ซึ่งเพิ่มคุณค่าให้กับของขวัญนั้นมากกว่าราคาที่จ่ายไป การศึกษาล่าสุดพบว่าประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ของคนที่สำรวจระบุว่าพวกเขาสนใจว่าของขวัญนั้นใส่ใจในการเลือกมากกว่าจะสนใจว่ามันมีราคาเท่าไร ดังนั้นแม้ว่าคุณอาจจะมีเงินไม่มาก แต่ก็ยังสามารถหาของขวัญที่มีความหมายได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเพิ่มองค์ประกอบส่วนตัว บางทีอาจเป็นสิ่งที่อบอุ่นหรือสร้างสรรค์ เพื่อทำให้ผู้รับรู้สึกว่าเขาถูกเห็นและถูกชื่นชมเมื่อได้เปิดของขวัญนั้น